เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓o ก.ย. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมๆ ฟังธรรม เห็นไหม การให้ทาน ให้ธรรมเป็นการให้ทานที่สูงสุด การให้ธรรมเป็นทานเป็นการให้ทานที่สูงสุด เพราะทำให้คนมีสติปัญญา ทำให้คนเอาตัวรอดได้ ทำให้คนพ้นจากทุกข์ได้ สิ่งที่จะพ้นจากทุกข์ได้ พ้นจากทุกข์ได้ด้วยภาวนามยปัญญา แต่ในปัจจุบันนี้มันเป็นโลกียปัญญา ปัญญาของเรา ปัญญาเกิดขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดของเรานี่มันเป็นโลกียปัญญา โลกียปัญญาคือเกิดจากหัวใจของเรา เกิดจากหัวใจของเรา เกิดจากธาตุ ๔ และขันธ์ ๕

ธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ เรามีธาตุ ๔ ของเรา เรามีขันธ์ ๕ ของเรา เรามีความรู้สึกนึกคิดมันเป็นเรื่องโลกๆ เราศึกษามา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เป็นโลกียปัญญา มันก็ให้ความสุขความสงบของเราพอสมควร แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ ขึ้นมา มันจะเป็นภาวนามยปัญญา

ถ้าภาวนามยปัญญาเขาต้องทำสมาธิขึ้นมาให้ได้ก่อน พอทำสมาธิขึ้นมาให้ได้ก่อน เพราะทำสมาธิขึ้นมาได้แล้วมันไม่มีสมุทัย คือมันไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่มีการคาดหมาย ไม่มีความต้องการ ไม่มีการจินตนาการเข้ามาบวก นี่เข้ามาบวก เข้ามาบวกคือว่ามันไม่สะอาดบริสุทธิ์พอที่จะชำระล้างกิเลสได้

ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านให้ทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจเข้ามานี่ ทำความสงบของใจเข้ามาโดยข้อเท็จจริงมันก็มีความสุขแล้ว ความสุข คนเราถ้าร่างกายแข็งแรงมันมีความสุขโดยธรรมชาติเลยนะ เพราะคนที่ร่างกายแข็งแรงไปเทียบกับคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย เราจะดีกว่าเขามหาศาลเลย แต่คนที่ร่างกายแข็งแรงมันไม่รู้หรอกว่านี่คือบุญของมัน มันไม่รู้หรอกว่านี่คือความสุข คนที่ร่างกายแข็งแรงไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีความสุขแล้ว แต่พอไปเทียบกับคนเจ็บไข้ได้ป่วยนอนติดเตียงนั่นน่ะถึงว่า เออ! เราดีกว่าเขา

สิ่งที่เป็นความจริงๆ คือร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดี สุขภาพจิตที่ดี เราทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจเข้ามา แค่ทำความสงบใจของตนเข้ามามันก็มีความสุขแล้ว ร่างกายแข็งแรงก็ดีกว่าคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย จิตใจที่เป็นสมาธิก็ดีกว่าจิตใจของคนที่มีแต่โรคภัยไข้เจ็บในหัวใจนั้น แต่เราไม่รู้ ให้แต่คนเขาหลอก หลอกแล้วหลอกเล่า หลอกแล้วหลอกเล่า ก็เชื่อคำหลอก เพราะไม่มีใครเคยทำความเป็นจริงได้

แต่มีหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านทำความจริงของท่านได้ พอทำความจริงของท่านได้ท่านถึงบอกว่า เวลาคนหัดประพฤติปฏิบัติให้ทำความสงบใจเข้ามาก่อน ทำความสงบใจเข้ามาก่อน หลวงปู่มั่นท่านยืนยันตลอด “อย่าทิ้งผู้รู้ อย่าทิ้งพุทโธ” หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านเป็นพระอรหันต์

เดี๋ยวนี้นะ ไปให้คนอื่นเขาหลอก “ใช้ปัญญาไปเลย อู๋ย! สุดยอด พระพุทธศาสนา อู๋ย! มันว่างหมดเลย”...หลอกทั้งนั้น

แต่โดยธรรมชาติของคนๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ เวลาปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์มันต้องคนที่มีอำนาจวาสนาบารมีขึ้นมามันถึงจะประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นได้ ถ้าความประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นได้เขาต้องสร้างอำนาจวาสนาของเขามา

การสร้างอำนาจวาสนาก็เหมือนที่เรามาทำบุญกุศลกันอยู่นี่ พอทำบุญกุศล จิตใจมันเข้มแข็ง จิตใจมีหลักการขึ้นมา มันก็จะเจาะเข้าไปถึงใจของตนได้ แต่โดยทั่วไป โดยทั่วไปของเราตามเวรตามกรรม ถ้าตามเวรตามกรรมขึ้นมา เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แค่ให้เราฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้มันก็ได้บุญกุศลแล้ว

คำว่า ได้บุญกุศล” แก้วสารพัดนึกเป็นที่พึ่งของเรา เป็นที่พึ่งของเราต่อเมื่อเรามีความทุกข์ความยากในหัวใจของเรา เป็นที่พึ่งของเรา เพราะเรามีหมู่มีคณะใช่ไหม เราไปวัดไปวาคบบัณฑิต บัณฑิตจะช่วยเหลือเจือจานของเรา แล้วเราก็สอนกันนะ ให้หัดภาวนาๆ

อานาปานสติ เขาเอาเด็กๆ ไปฝึกสอน เด็กๆ ที่ไปฝึกสอนแล้ว เด็กๆ เขาบอก โอ้โฮ! ดีเยี่ยมเลย พ่อแม่สั่งสอนมันก็ไม่ฟัง เวลามันไปให้ครูสอนหายใจเข้า หายใจออก มันบอก อู้ฮู! เดี๋ยวนี้มันดี๊ดี ดี๊ดี นี่ไง มันเป็นประโยชน์ นี่มันก็เป็นประโยชน์

พระพุทธศาสนา หลวงตาถึงได้เน้นย้ำตลอด พระพุทธศาสนาเปรียบเหมือนห้างสรรพสินค้า ถ้าคนไม่เอาไหนเลยก็เข้าไปตากแอร์ ถ้าคนเข้าไปแล้วมันเข้าไปมันก็ไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ แต่คนที่เขามีอำนาจวาสนาขึ้นมาเขาจะหาแต่ของที่มีคุณค่าในห้างสรรพสินค้านั้น

พระพุทธศาสนามีสมบัติให้มหาศาลเลย ให้ชาวพุทธได้ตักตวงเอา แล้วชาวพุทธมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน ถ้ามีอำนาจวาสนาเล็กน้อยก็ได้หยิบฉวยเอาแต่ของเล็กน้อย แต่คนที่มีอำนาจวาสนาของเขา เขาจะพ้นจากทุกข์ๆ เห็นไหม

เวลาฤดูกาล เวลามันแห้งแล้งขึ้นมา หน้าแล้งขึ้นมา พืชพันธุ์ธัญญาหารตายหมด ไม่มีอาหารนะ ถ้าฝนตกน้ำท่วม ฝนตกมากเกินไปมันก็ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าฝนมันพอประมาณ ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เวลาฝนตกไปแล้ว เวลาพายุผ่านไปแล้วท้องฟ้าแจ่มใส นี่มันเป็นประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนานะ เขาจะรู้สึกของเขา เขาจะมีปัญญาของเขา เขาจะเอาตัวของเขารอดได้

นี่ไง เวลาฝนตกฟ้าคึกฟ้าคะนอง นักวิทยาศาสตร์เขาบอกนะ อย่าอยู่กลางแจ้ง อย่าอยู่กลางแจ้ง อย่ามีเครื่องประดับ อย่ามีโทรศัพท์มือถือ

ไอ้นี่เวลาฝนตกมันเดินกลางแจ้งเลยนะ โอ้โฮ! แก้วแหวนเงินทองเต็มเลย โทรศัพท์ด้วย มันว่ามันเก่ง มันเก่ง มันยอดคน...ฟ้าผ่าตายหมดน่ะ

ฟ้าผ่า ดูฤดูกาลธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ แล้วธรรมะเป็นธรรมชาติ เขาฝึกหัดให้เรามีปัญญาขึ้นมา เพราะธรรมชาตินะ เราเอามาเพื่อประโยชน์กับเรา

นี่ฤดูกาล เพราะฤดูกาล เราอยู่ในโซนเขตร้อน พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ถ้าอุดมสมบูรณ์ของเรา เราอยู่ในเขตร้อน เราอยู่ในเขตร้อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูสิ เวลาตรัสรู้ ตรัสรู้ในชมพูทวีป ชมพูทวีปมันมีสามฤดูกาล มีสามฤดูกาล ความเป็นไปของชีวิต คนเเกิดในประเทศอันสมควรๆ เราได้มาเกิดในประเทศอันสมควรหรือไม่ เราได้มาเกิดในประเทศอันสมควรโดยอาณาจักร

แต่ถ้าเราเกิดในประเทศอันสมควร เราเกิดมาแล้วเรามีจิตใจที่สูงส่ง เรามีจิตใจที่เป็นธรรม สิ่งที่อุดมสมบูรณ์นั้นก็อุดมสมบูรณ์การดำรงชีวิต แต่ทุกคนมันยังทุกข์มันยังยากของมันอยู่ มันก็จะไปหาสัจธรรมความจริงของเรา

ปู่ย่าตายายของเราเป็นผู้ที่มีอำนาจวาสนาได้นับถือพระพุทธศาสนา ถ้าพระพุทธศาสนา พวกเราเวลาคุยโม้กันน่ะ ศาสนายอดเยี่ยมคือพระพุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา เราคุยโม้กันไปทั่ว แล้วปัญญาอย่างไรล่ะ ยอดเยี่ยมตรงไหนล่ะ

นี่ไง เวลาฝรั่งเขาเข้ามาศึกษาทางตะวันออกนะ เขาบอกว่าพระพุทธศาสนายอดเยี่ยม เช้าตักบาตร ตกบ่ายมันตีไก่ ตกเย็นมันกินเหล้า แล้วยอดเยี่ยมอะไรของเอ็งน่ะ

ยอดเยี่ยมๆ นะ ยอดเยี่ยมน่ะศีล ๕ ศีล ๕ นะ ดูสิ เราธุดงค์ไปทางอีสานปีแรกๆ เห็นเขาแล้วแหม! ชื่นใจนะ ไม่ถือมงคลตื่นข่าว ที่ไหนมีมหรสพสมโภชเขาไม่ไปนะ เขามีศีลมีธรรมของเขา เขาไม่ถือมงคลตื่นข่าว อบายมุขคืออบายภูมิ เวลาเราศึกษาธรรมะพระพุทธศาสนานะ สิ่งที่เป็นอบายภูมิๆ เราไม่อยากไป เราไม่อยากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เราไม่อยากเกิดในนรกอเวจี แต่เราฝักใฝ่อบายมุข อบายมุข อบายภูมิไง

พระพุทธศาสนาเขามีศีลกีดกันไว้ให้แล้ว ถ้ามีกีดกันไว้ให้แล้ว ถ้าเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง จิตใจที่แข็งแรง จิตใจที่แข็งแรงนะ เพราะอะไร เพราะหลวงปู่ฝั้นท่านสอนไว้ ประชาชน โอ้โฮ! มีความร่มเย็นเป็นสุขนะ ในบ้านก็มีความร่มเย็นเป็นสุขนะ ที่ไหนมีเสียงขับร้องก็ไม่ไป

ของเราไม่ได้ วัดมีมหรสพ วัดนี้มีหนังฉายให้เลย วัดเรียกร้องคนเข้ามาจัดคอนเสิร์ตเลย

แต่ความจริงเขาไม่ทำ เพราะสิ่งนี้มันทำให้คนประมาท นี่คนประมาท เวลาฝนตกฟ้าร้อง มันมีโทรศัพท์มือถือมันโทรกลางฟ้าแลบเลยนะ ฮัลโหลๆ เดี๋ยวมันก็ตายอยู่นั่นน่ะ แล้วก็มาอวดอีกนะว่าตัวเองมีความสามารถ ตัวเองมีคุณสมบัติพิเศษ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไม่ให้ประมาท เวลาฝนตกฟ้าร้องเราก็อยู่ในที่ร่ม อยู่ในที่ปลอดภัย เวลาฝนตกแล้วชุ่มชื่น เราก็ทำไร่ไถนาของเรา เราก็ทำเพื่อประโยชน์กสิกรรมของเรา เราทำเพื่อประโยชน์กับเรา

ถ้าคนที่เขาฉลาดนะ เขาพาชีวิตของเขาให้ประสบความสำเร็จ เขาพาชีวิตของเขาให้ถึงที่สุดได้ ไม่ใช่ว่าจะอวดดี อวดดีอวดเด่น อวดว่าตัวเองมีคุณธรรม...คุณธรรมอะไร

ความดีๆ ความดีมันอยู่ภายในหัวใจนั้น สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี คนที่จิตสงบระงับแล้วเขาจะเห็นสิ่งใด เวลาครูบาอาจารย์เรานะ ท่านเห็นแล้วท่านสบตากันเท่านั้นน่ะ มันสังเวช เรามองชีวิตของคนอื่นนะ แล้วถ้าเรามีสติปัญญานะ นี่ธรรมสังเวช มันปลงธรรมสังเวช

เวลาพระไปชักบังสกุลๆ นั่นน่ะ ไปชักบังสุกุล อนิจฺจา วต สงฺขารา คนนี้ก็ได้ตายไปแล้ว คนนี้ก็ตายไปแล้ว ทุกข์ยาก ทุกข์ยากจนตาย แล้วเราก็ต้องตายอย่างนี้ๆ ถ้าเรามีสติปัญญา เราใคร่ครวญในชีวิตของเราจนพ้นจากทุกข์ไปได้ พระที่ไปชักบังสกุลๆ เขาก็เตือนสติไว้ นี่การชักบังสกุลเขาสอนให้รู้จักบังสกุล

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีสติมีปัญญา เรามองชีวิตของทางโลก เรามองชีวิตแล้วเราเศร้าหมองไหม เราเห็นคนทุกข์คนยาก มันทุกข์ยากตามเวรตามกรรมของเขานะ เขาได้สร้างเวรสร้างกรรมของเขามาอย่างนั้น คนที่ทุกข์ยาก คนที่เป็นคนไร้บ้านอยู่ตามข้างถนน เขาเคยเป็นเศรษฐี เขาเคยเป็นเจ้าของบริษัท แล้วเขาโดนคดโดนโกงจนหมดเนื้อหมดตัว เขามานอนอยู่ข้างถนนน่ะรู้จักไหม คนที่ไร้บ้านๆ น่ะ หลายๆ คนมากนะที่เขาผิดพลาดในการทำธุรกิจของเขา เขาเป็นคนยากไร้หรือ แต่ทำไมเขาเป็นคนไร้บ้าน ทำไมเขาต้องมาใช้ชีวิตของเขาแบบนั้น

นี่ไง ถ้ามันปลงธรรมสังเวชนะ ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราพิจารณาของเรา มันปลงธรรมสังเวช มันสังเวช พอสังเวชขึ้นมา เห็นไหม แล้วเราล่ะ ถ้ามีการปลงธรรมสังเวช ถ้าเราได้เห็นภัยในสังคม นี่มันกลับมาที่เรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนนี่ไง ไม่ประมาทไง เราอย่าประมาทชีวิต เราอย่าประมาทสิ่งใดทั้งสิ้น บอกว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมๆ คนเราทำกรรมที่ผิดพลาดมา กรรมฝังมาก็มี คนเราสร้างบุญกุศลมาก็มี

คนสร้างบุญกุศลสิ่งใดมาน่ะ พอทำสิ่งใดนะ มันจะประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จของเขา แต่การประสบความสำเร็จนั้นก็เป็นเรื่องโลก อย่างที่เราทำกันอยู่นี่ นี่เขาเรียกบารมีธรรมๆ เราสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเรา

แต่ถ้าเราไม่มีความสามารถที่เราจะทำความสงบของใจเราเข้ามาได้ ถ้าเราไม่สามารถค้นคว้าหาใจของเราได้ เราจะยกขึ้นสู่วิปัสสนาอย่างไร แล้วเราจะชำระล้างกิเลสอย่างไร กิเลสในหัวใจของเรามันเป็นกิเลสในหัวใจของเรา ความทุกข์ความยากเป็นเรื่องของเรานะ

เวลามีความสุขๆ ความสุขน่ะ เพื่อนมากมายเลย ถ้ามีความสุขนะ เพื่อนฝูงมหาศาล เวลาเราทุกข์ยากเพื่อนฝูงไม่มีสักคน เพื่อนฝูงทิ้งหมด

แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้วิเวก ให้ไปแต่ผู้เดียว ไปแบบนอแรด เพราะการไปแบบนอแรดความคิดมันผุดมาหมดน่ะ “โอ๋ย! เราคนวาสนาน้อย เราคนไม่มีพรรคมีพวก เราคนที่ไม่มีใครมาอุ้มชูเลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีแต่คนไปดูแลนั่นน่ะ” นี่กิเลสมันเจาะยางแล้ว กิเลสมันเริ่มทำลายแล้ว

“อยู่คนเดียวระวังกิเลสนัก โอ๋ย! นี่บวชเป็นพระแล้วนะ ออกมาประพฤติปฏิบัตินะ อู๋ย! คนก็ต้องชื่นชม คนต้องช่วยเหลือเจือจาน”

เช้าขึ้นมาบิณฑบาต เขาก็ใส่บาตรให้อยู่แล้ว ทุกอย่างปัจจัย ๔ พร้อมแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของท่าน ได้ทำภัตกิจแล้ว เข้าสู่โคนไม้ เข้าสู่เรือนว่าง ผู้ที่ทำความสงบของใจได้ เข้าสู่ฌานสมาบัติ ให้เข้าสู่ฌานสมาบัติ ผู้ใดที่เข้าถึงใช้ปัญญาได้ ให้ใช้ปัญญา นั่นเป็นหน้าที่ของเธอ หน้าที่ของเธอแล้วนะ เช้าขึ้นมาบิณฑบาต เขาส่งเสริมแล้ว เขาเชิดชูแล้ว เขาให้ทุกอย่างพร้อมแล้ว หน้าที่ของเรา เราต้องประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะให้เขามาคอยสอนคอยชี้แนะ มันไม่มีหรอก นี่มันไม่มีขึ้นมา ความจริงๆ มันเป็นแบบนี้ไง ถ้าคนที่อ่อนแอ คนที่อ่อนด้อยมันก็คิดของมันไปร้อยแปดไง แต่คนที่มีสติปัญญานะ เขาหลีกเขาเร้น

หลวงตาท่านออกธุดงค์นะ บ้านใหญ่ไม่ไป คำว่า บ้านใหญ่” คือหมู่บ้านใหญ่ หมู่บ้านใหญ่มันมีหมู่บ้านมาก พอหมู่บ้านมาก ลาภสักการะมันก็มาก เพราะบิณฑบาตเขาก็ใส่บาตรเต็มบาตรเลย แล้วพระก็ฉันมื้อเดียว แล้วพอตกบ่ายแล้วเขาก็จะมาคุยธรรมะแล้ว ท่านบอกว่ามันเป็นภาระ หาอย่างมาก ๓ บ้าน ๔ บ้าน แล้ว ๓ บ้าน ๔ บ้าน เขาไม่ใส่บาตรทุกบ้านหรอก บางทีใส่บ้านเดียว ๒ บ้าน เพราะว่าเขามีธุระของเขาทั้งนั้นน่ะ

นี่หาบ้านน้อยๆ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเป็นภาระ มันจะได้มีเวลาภาวนา มันจะได้ต่อสู้กับกิเลสทั้งวันทั้งคืน นี่เวลาเขาไปหาที่สงัดที่วิเวกนะ ๒๔ ชั่วโมงเขาประพฤติปฏิบัติตลอด กลางคืนขึ้นมา เงียบสงัดขึ้นมาแล้วเต็มที่เลย เต็มที่เลย นี่ครูบาอาจารย์ท่านหาอย่างนั้น

ไอ้พวกเรานะ “อู้ฮู! ไม่มีใครส่งเสริม ไม่มีใครยกย่องสรรเสริญ ไม่มีใครช่วยเหลือเจือจาน ทุกข์ยากไปหมด”...เจือจานอะไร

คนเรานะ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปโรงพยาบาล หมอก็ฉีดยาให้ ผ่าตัดเท่านั้นน่ะ หมอมันช่วยเหลืออะไร หมอก็ทำหน้าที่ของเขา เราหน้าที่จ่ายตังค์ นี่ไง หมอทำอะไร มันหายหรือไม่หายมันเป็นร่างกายของเรา ไม่มีใครช่วยใครได้หรอก

อยู่ในสังคมๆ เพราะว่าเราอยู่กับสังคม พระปฏิบัติไม่จริง ทำไมต้องเข้าป่าเข้าเขา ปฏิบัติจริงก็ต้องอยู่ในสังคมสิ สังคมอุ่นใจ เดี๋ยวไอ้นั่นก็จะช่วย เดี๋ยวถ้านั่งไปแล้วถ้าล้มเดี๋ยวมันจะมาอุ้มให้ เดี๋ยวถ้าเป็นอะไร เดี๋ยวพระจะพาส่งโรงพยาบาล โอ๋ย! ไปโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวมีคนไปเฝ้าไข้ มันคิดไปนู่นน่ะ โอ๋ย! ถ้าอยู่คนเดียวตาย

ครูบาอาจารย์ของเรานะ เวลาอยู่ในป่า เวลามันจะเป็นจะตาย อะไรตายก่อน ลมหายใจขาดก่อนหรือร่างกายจะตายก่อน ขอดูซิอะไรตายก่อน เวลาคำว่า จะตายๆ” กิเลสมันหลอก นู่นจะตาย นี่จะตาย...ไม่ตายหรอก ถ้าตายนะ มันคิดไม่ได้หรอก มันเป็นลมสลบไปเลย มันช็อกตายแล้ว แต่ถ้ายังคิดจะตายๆๆ กิเลสมันหลอก มันหลอกอะไร หลอกให้เอ็งเลิกไง หลอกให้เอ็งลุกขึ้น หลอกให้ไม่ต้องปฏิบัติ

นี่ธรรมะอยู่ฟากตายอย่างนี้ ฟากตายอย่างนี้ต้องคนที่เข้มแข็ง เข้มแข็งในจิตใจนะ เข้มแข็งทางจิตใจ ท้าพิสูจน์กับมันเลย ท้าพิสูจน์กับความคิดที่มันหลอกตัวเอง ท้าพิสูจน์ พอท้าพิสูจน์ ถ้าเอ็งเข้มแข็งพอ มีสติปัญญาพอนะ ว่างหมด พอมันปล่อยนะ โล่งหมดเลย ไอ้ที่ว่าจะเป็นจะตายหายหน้าไปไหน ไอ้กิเลสที่มันจะหลอกๆ มันหายหน้าไปหมดเลย แต่ถ้าเราพ่ายแพ้มันนะ โอ้โฮ! เป็นตัวเป็นตนนะ โอ๋ย! เทพองค์นั้น กิเลสองค์นี้ ไอ้นั่นกระทืบ ไอ้นี่เหยียบซ้ำ

นี่ไง ถ้าเป็นจริงๆ เป็นอย่างนี้ นี่พูดถึงว่าคนที่มีอำนาจวาสนาบารมี เราจะพูดถึงว่า เวลามันแห้งแล้งมันก็ยากไร้ เวลาน้ำท่วมมันก็ทำมาหากินไม่ได้ ถ้าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลผ่านไปแล้ว หลังฝนตกฟ้าร้องมันจะเกิดความชุ่มชื่น

ชีวิตเราก็เหมือนกัน ถ้าเราคิดได้ เราพิจารณาได้ เราทำตัวเราเองทั้งนั้นนะ เราทำตัวเราด้วยความคิดของเรา เราคิดอย่างไร เรามีความปรารถนาอย่างไร เราคิดอย่างไร เราก็ใช้ชีวิตแบบนั้น เราตกอยู่ใต้พญามารกิเลสตัณหาความทะยานอยากบงการชีวิตของเรา ชีวิตของเรานี่

แล้วถ้าเรามีสติมีปัญญา เราใช้ปัญญาที่ดี เราใช้สติปัญญาที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมา ชีวิตของเราจะมีอุดมสมบูรณ์ขึ้นมา เรื่องปัจจัยเครื่องอาศัย กู้หนี้ยืมสินกันได้ พึ่งพาอาศัยกันได้ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ได้

ศีล สมาธิ ปัญญา เราต้องทำขึ้นมาเอง เราจะต้องรักษาเอง เราจะต้องพยายามขุดคุ้ย ทั้งๆ ที่มีจิตกลางหัวใจ ทั้งๆ ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เรามีชีวิต ทั้งๆ ที่มันมีอยู่แต่หากันไม่เป็น เอวัง